ในพุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นอภิลักขิตสมัย ๑๐๐ ปี นับแต่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดป่าโมก จังหวัดอ่างทอง

ในพุทธศักราช ๒๕๖๕ เป็นอภิลักขิตสมัย ๑๐๐ ปี นับแต่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายผ้าพระกฐิน ณ วัดป่าโมก จังหวัดอ่างทอง นับเป็นสมัยพิเศษที่ควรแก่การประกอบอนุสรณียกิจ มูลนิธิเพชรรัตน – สุวัทนา จึงขอพระราชทานผ้าพระกฐินจาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไปทอดถวายพระสงฆ์ซึ่งจำพรรษาถ้วนไตรมาส ณ วัดป่าโมก ในวันเสาร์ที่ ๕ พฤศจิกายน ๒๕๖๕ การนี้ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานตามที่ขอรับพระมหากรุณา นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณอันล้นเกล้าล้นกระหม่อมหาที่สุดมิได้

ภายในวัดป่าโมก นอกจากจะมีพระพุทธไสยาสน์ที่งดงาม และพระวิหารเขียนแล้ว ยังมีอาคารเสนาสนะที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง คือ ศาลาการเปรียญที่สร้างขึ้นในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ดังมีจารึกในโคลงชะลอองค์พระพุทธไสยาสน์ ใจความสรุปว่า เมื่อเสร็จจากการชะลอองค์พระพุทธไสยาสน์ให้พ้นจากกระแสน้ำเซาะตลิ่งแล้ว ก็มิได้ทิ้งไม้ซุงที่ใช้ในการดังกล่าวไปให้ไร้ประโยชน์ สมเด็จพระเจ้าท้ายสระ โปรดเกล้าฯ ให้นำไม้มาสร้างศาลาการเปรียญ หอไตร กุฏิสงฆ์ และศาลาฉนวน

ศาลาการเปรียญ วัดป่าโมก เป็นสถาปัตยกรรมที่งดงาม เก่าแก่ และมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ ควรค่าแก่การอนุรักษ์ให้คงอยู่ ต่อมาได้ทรุดโทรมลงและถูกดัดแปลงให้เสียรูปแบบเดิมไปบ้าง วัดป่าโมกจึงมีโครงการบูรณะศาลาการเปรียญที่สร้างมาแต่รัชสมัยสมเด็จพระเจ้าท้ายสระ ให้คืนความงดงาม และมีสภาพสมบูรณ์พร้อมในการปฏิบัติศาสนกิจต่าง ๆ ดั่งที่เคยเป็นมาในอดีตกาล

บทความที่น่าสนใจ

บทความที่เกี่ยวข้อง

ชมวีดิทัศน์การบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์