เรื่องเล่าพระผู้ทรงก่อตั้งมูลนิธิเพชรรัตน-สุวัทนา สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ ฯ และพระนางเจ้าสุวัทนา ฯ กับงานด้านการเสริมสร้างความมั่นคงของประเทศ ตอนที่ ๒

เมื่อพุทธศักราช ๒๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ “พันโทหญิง” ตำแหน่งผู้บังคับการพิเศษในกองพันทหารราบที่ ๒ กรมผสมที่ ๕ แก่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ซึ่งกองพันนี้มีวิวัฒนาการมาจาก “กรมทหารรักษาวัง” ก่อตั้งขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อพิทักษ์รักษาพระราชอาณาเขตในพื้นที่ภาคใต้ ภายหลังแปรสภาพเป็น กรมทหารราบที่ ๑๕ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ได้ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานเงินตั้งเป็นกองทุน ชื่อ “ทุนเพชรรัตนการุณ” เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่บุตรหลานทหารในกองพันทหารที่ทรงเป็นผู้บังคับบัญชา

เมื่อพุทธศักราช ๒๕๑๒ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ “พันโทหญิง” ตำแหน่งผู้บังคับการพิเศษในกองพันทหารราบที่ ๒ กรมผสมที่ ๕ แก่สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ซึ่งกองพันนี้มีวิวัฒนาการมาจาก “กรมทหารรักษาวัง” ก่อตั้งขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อพิทักษ์รักษาพระราชอาณาเขตในพื้นที่ภาคใต้ ภายหลังแปรสภาพเป็น กรมทหารราบที่ ๑๕ สมเด็จฯ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ได้ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานเงินตั้งเป็นกองทุน ชื่อ “ทุนเพชรรัตนการุณ” เพื่อเป็นทุนการศึกษาแก่บุตรหลานทหารในกองพันทหารที่ทรงเป็นผู้บังคับบัญชา

ครั้นทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศ “พันเอกหญิง” “นาวาเอกหญิง” และ “นาวาอากาศเอกหญิง” พร้อมทั้งทรงแต่งตั้งให้สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ ดำรงตำแหน่ง “นายทหารพิเศษ” ประจำกรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์ ซึ่งเป็นกรมทหารที่พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเคยเป็นผู้บังคับการพิเศษ เมื่อครั้งทรงดำรงพระราชอิสริยยศ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ด้วย สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ ก็ทรงพระกรุณาโปรดรับ “โรงเรียนกองทัพบกอุปถัมภ์เพชราวุธวิทยา” ซึ่งตั้งอยู่ในกรมทหารราบที่ ๑๑ รักษาพระองค์ไว้ในพระอุปถัมภ์และพระราชทานเงินทุนบำรุงเป็นประจำทุกปี

สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ทรงบำเพ็ญพระกรณียกิจด้านการทหารและความมั่นคงของราชอาณาจักรด้วยพระวิริยอุตสาหะมาตลอดพระชนมชีพ สมกับที่ทรงเป็นสายพระโลหิตของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงได้รับพระมหากรุณาพระราชทานยศทหารขึ้นตามลำดับ กระทั่งพุทธศักราช ๒๕๕๒ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานยศเป็น “พลเอกหญิง” และพุทธศักราช ๒๕๕๓ เป็น “พลเรือเอกหญิง” และ “พลอากาศเอกหญิง”

สมเด็จฯ เจ้าฟ้าฯ ทรงเป็นผู้มี “วินัย” และ “คุณธรรม” ทรงบริบูรณ์ด้วยน้ำพระทัยอย่าง “ทหาร” อย่างมั่นคงเยี่ยงนายทหารที่ได้รับการฝึกอบรมวิชาการทหารมาโดยตรง ดังปรากฏในพระดำรัสที่พระราชทานในงานฉลองพระชนมายุ ๖๑ พรรษา เมื่อวันที่ ๒๒ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๕๒๙ ณ วชิราวุธวิทยาลัย ความตอนหนึ่งว่า

“ฉันขอกล่าวต่อท่านทั้งปวงว่า จะพยายามบำเพ็ญตนเพื่อประโยชน์แก่บ้านเมืองด้วยความจงรักภักดีต่อบ้านเกิด และต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ผู้ทรงเป็นพระประมุขของชาติ ทั้งจะได้รักษาเกียรติศักดิ์แห่งความเป็นราชนารีในมหาจักรีบรมราชวงศ์ไว้ด้วยดีชั่วชีวิต”

ชมวีดิทัศน์การบำเพ็ญกุศลเนื่องในวันคล้ายวันสิ้นพระชนม์